Saturday, September 15, 2018

Facebook กำลังเริ่มใช้ AI ในการกรองหา Meme ที่ไม่เหมาะสมบนโซเชียล

Facebook แพลตฟอร์มขนาดมหึมาที่มีเนื้อหาต่างๆ หลั่งไหลเข้ามาในแต่ละวันมากมายจนผู้ดูแลในเรื่องของเนื้อหาของทาง Facebook นั้นไม่สามารถดูแลได้ทั่วถึง ดังนั้นจึงเป็นเวลาของ AI แล้วที่จะเข้ามาช่วยเหลือ Facebook ในเรื่องนี้
ทาง Facebook ได้สร้าง AI ที่มีชื่อว่า Rosetta ขึ้นมา ซึ่งจะใช้ Machine Learning ในการเรียนรู้ข้อความบนรูปภาพหรือวีดีโอ และทำการถอดรหัสออกมาเป็นข้อมูลที่ตัวระบบสามารถอ่านได้ เพื่อนำไปใช้งานในขั้นตอนต่อไป
แม้ว่าเครื่องมือนี้จะไม่ได้มีความแปลกใหม่มากนักแต่มันคือความท้าทายเป็นอย่างมาก เมื่อนำมาใช้บน Facebook เพราะเป็นแพลตฟอร์มที่ใหญ่มีความหลากหลายของทั้งภาพ ข้อความ วีดีโอ เป็นอย่างมากนั่นเอง โดยขีดความสามารถของ Rosetta ในการตรวจสอบข้อความและเนื้อหาต่างๆ ขณะนี้อยู่ที่ 1,000 ล้านภาพและ Video Frames ต่อวันในทั้ง Facebook และ Instagram ซึ่งในตอนนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจนออกมาว่าทาง Facebook นั้นจัดการกับข้อมูลต่างๆ อย่างไรบ้างแต่อย่างไรก็ตามมันก็มีประโยชน์กับฟีเจอร์พื้นฐานต่างๆ อย่างเช่น การค้นหาภาพหรือการอ่านหน้าจออยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
แต่ดูเหมือนว่า นี่ยังไม่ใช่เป้าหมายสุดท้ายของทาง Facebook เพราะดูแล้วมันน่าจะเป็นแค่การเริ่มต้นไปสู่จุดหมายที่ใหญ่กว่าเดิม อย่างเช่น การวิเคราะห์และจัดการสิ่งที่น่าสนใจต่างๆ ลงฟีดข่าวของคุณ และที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ การหาให้เจอว่า มีม (Meme) ไหนเป็นมีมที่ไม่เหมาะสมทั้งภาพและข้อความต่างๆ ที่อาจนำไปสู่ประเด็นที่ล่อแหลม ซึ่งดูเหมือนว่าในตอนนี้จะมี Rosetta นี่แหละที่เข้ามาเป็นผู้ช่วยที่ดีที่สุด
โดยทาง Facebook ได้แจ้งเอาไว้ว่า กำลังใช้ Rosetta ให้เรียนรู้และตรวจสอบเนื้อหาต่างๆ เพื่อที่จะสามารถระบุออกมาได้ว่าเนื้อหาใดที่ละเมิดนโยบาย Hate-Speech ของทาง Facebook ได้แบบอัตโนมัติและสามารถใช้งานได้หลากหลายภาษาอีกด้วย
ซึ่งสำหรับ Facebook เองในช่วงที่ผ่านมาก็ต้องเผชิญกับปัญหาของการกลั่นกรองเนื้อที่ไม่เหมาะสมมาอยู่พอสมควรทำให้ถ้ามีระบบที่ดีเข้ามาช่วยแก้ไขในส่วนนี้ได้ทุกอย่างก็น่าจะเป็นไปในทางที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน
วิเคราะห์ : เป็นฟังก์ชันที่มีประโยชน์และสามารถช่วยคัดกรองมีมที่ไม่เหมาะสมได้

Saturday, September 8, 2018

IFA 2018 : Garmin เปิดตัวฟิตเนสแทรคเกอร์ใหม่ Vivosmart 4 วัดระดับออกซิเจนในเลือดได้

Garmin ได้นำฟิตเนสแทรคเกอร์รุ่นล่าสุดในซีรีส์ Vivosmart มาเปิดตัวภายในงานจัดแสดงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป IFA 2018 (31 ส.ค. – 5 ก.ย.) ณ กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ฟิตเนสแทรคเกอร์ดังกล่าวคือ Vivosmart 4 โดยทาง Garmin ได้เพิ่มตัววัดระดับออกซิเจนในเลือด (Pulse OX2 Oximeter) ลงไปด้วย ด้วยอุปกรณ์ดังกล่าวนี้ ทำให้ผู้ใช้ Vivosmart 4 สามารถตรวจดูได้ว่าการหลับนั้นมีคุณภาพมากเพียงไร หรือแม้กระทั่งตรวจว่าเกิดภาวะหยุดหายใจในขณะหลับหรือไม่
นอกจากนี้ Vivosmart 4 ยังมีฟังก์ชันอื่นๆ อีก ดังนี้
  • ตรวจวัดการเต้นของหัวใจได้
  • ใช้งานได้ 7 วัน จากการชาร์จเพียง 1 ครั้ง
  • เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่าน Bluetooth
  • สามารรับข้อความแจ้งเตือน และตอบข้อความได้ (สำหรับสมาร์ทโฟนระบบ Android)
ที่มา เว็บไซต์ beartaiวิเคราะห์ : เป็นอุปกรณ์ที่มีฟังก์ชันเกี่ยวกับสุขภาพและช่วยวัดระดับออกซเจนในเลือดให้ผู้ใช้งานได้

Saturday, September 1, 2018

เบราว์เซอร์ Firefox จะใช้ระบบป้องกันการเก็บข้อมูลจากเว็บไซต์เป็นค่าเริ่มต้น ในปี 2019

เว็บเบราว์เซอร์ Firefox นั้นขึ้นชื่อด้านความพยายามในการปกป้องข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้มาอย่างยาวนาน อย่างเช่น แอพฯ Firefox Focus ที่มีความสามารถในการปิดกั้นการเก็บข้อมูลการใช้งาน, Cookies และลบข้อมูลการท่องเว็บไซต์ทุกครั้งที่เราทำการปิดแอพ ล่าสุดทาง Mozilla ผู้พัฒนาเว็บเบราว์เซอร์ Firefox จะเพิ่มความเข้มงวดไปอีกขั้น ด้วยการประกาศว่าจะตั้งค่าเริ่มต้นให้ตัวเว็บเบราว์เซอร์ให้ปิดกั้นการทำงานของ Tracking scripts (ตัวคำสั่งในการเก็บข้อมูล) เป็นค่าเริ่มต้น
วิเคราะห์ : เนื่องจาก Firefox จะมีการเพิ่มความเข้มงวดมากขึ้น จึงเป็นเรื่องที่ดีที่จะมีการปกป้องข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งานหลายๆคน

Saturday, August 25, 2018

เดือนหน้าเตรียมพบกับ Chrome ดีไซน์ใหม่ในทุกระบบปฏิบัติการ

อยู่กับดีไซน์แบบเดิมกันมานานถึงเวลาเคลื่อนไหวของ Chrome จาก Google กันเสียที
และในครั้งนี้ทาง Google เองก็ได้เผยว่าเบราว์เซอร์ Chrome นั้นจะทำการปล่อยดีไซน์ใหม่ในทุกระบบปฏิบัติการอีกด้วย ซึ่งการเปิดตัวดีไซน์ใหม่ในครั้งนี้ก็คือ Chrome 69 นั่นเองซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวอย่างสมบูรณ์แบบในวันที่ 4 กันยายนที่จะถึงนี้ สำหรับการดีไซน์ใหม่ของ Chrome บนเดสก์ท็อปนั้นจะมีลักษณะกลมมนและเน้นโทนสีขาวเพิ่มมากขึ้น ส่วนทางด้านโทรศัพท์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS ก็จะได้ยลโฉมดีไซน์ใหม่จาก Chrome เช่นเดียวกันและดูเหมือนว่าทาง Google จะขยับส่วน Navigation Control มาที่ด้านล่างของจอเพื่อให้เหล่าผู้ใช้สามารถใช้งานด้วยมือเดียวได้สะดวกขึ้น
ที่มา เว็บไซต์ thaiware
วิเคราะห์ : ถือว่าเป็นการพัฒนาแอปพลิชันครั้งใหม่ซึ่งช่วยให้ใช้งานได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น

Saturday, August 18, 2018

ตอนนี้ Spotify เตรียมแสดงรายชื่อของทั้งนักแต่งเพลง และโปรดิวเซอร์ ให้ผู้ใช้ iOS ได้เห็นแล้ว

เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาทาง Spotify ได้เริ่มใช้งานฟีเจอร์ที่จะช่วยให้คุณดูรายชื่อนักแต่งเพลง และโปรดิวเซอร์ของเพลงเหล่านั้นได้ และในที่สุดในตอนนี้เหล่าสาวก iOS ก็ได้ลองใช้งานกันแล้ว
ซึ่งในตอนแรกฟีเจอร์นี้ได้เปิดให้ใช้งานกันใน Spotify บน Desktop ก่อน โดยผู้ฟังจะสามารถทำการคลิกขวาที่แทร็กแล้วเลือก “Show Credits” จากนั้นทั้งรายชื่อของนักแต่งเพลง และโปรดิวเซอร์ก็จะแสดงให้คุณได้เห็นกัน และในตอนนี้ผู้ที่ฟังผ่านแอพฯ สามารถที่จะดูเครดิตของเพลงได้โดยการกดที่ปุ่มรูปไข่ปลาสามจุดที่ข้างชื่อเพลงจากนั้นคลิกที่คำสั่ง “Show Credits” เพียงเท่านี้รายชื่อของคนที่เกี่ยวข้องในเพลงก็จะแสดงให้คุณเห็นเอง
วิเคราะห์ : เนื่องจาก Spotify มีการเปิดให้ใช้ฟีเจอร์ที่สามารถดูรายชื่อนักแต่งเพลงและโปรดิวเซอร์ของเพลงได้ จึงช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหาข้อมูลได้จากในแอปพลิเคชันได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น

Saturday, August 11, 2018

ไม่ใช่แค่มือถือ แต่แลปท็อปก็มาพร้อมฟีเจอร์กันน้ำกับเค้าด้วยแล้ว!

ในงาน China Joy 2018 ที่ผ่านมามีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์เจาะกลุ่มเกมเมอร์มากมาย อาทิ Lenovo Y700P, Savior Blade 9000 II desktop, แลปท็อปของ Xiaomi สำหรับเกมเมอร์รุ่นที่ใช้ GTX Pro และหนึ่งในพาร์ทเนอร์ของ Intel นั่นก็คือ Raytheon ได้เปิดตัวแลปท็อปกันน้ำกับเขาด้วย Raytheon เปิดตัวแลปท็อปภายใต้ชื่อ UNCIA หรือที่แปลว่า Snow Leopard ซึ่งเป็นแลปท็อปสำหรับเล่นเกมตัวแรกของโลกที่มาพร้อมความสามารถกันน้ำกันฝุ่นมาตรฐาน IP68
วิเคราะห์ : Raytheon ได้มีการเปิดตัวแลปท็อปที่สามารถกันน้ำได้ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถใช้แลปท็อปได้โดยไม่ต้องกังวลว่าหากโดนน้ำแล้วตัวเครื่องจะเสียหาย ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายมากขึ้นกว่าแลปท็อปแบบเก่า

Saturday, August 4, 2018

Google Calendar อัพเดทให้ผู้ที่ถูกเชิญ สามารถกำหนดวัน และเวลานัดหมายได้แล้ว

เมื่อการนัดหมายประชุมเป็นเรื่องยากที่ทุกคนจะเวลาตรงกัน Google Calendar จึงเพิ่มฟังก์ชั่นเพื่อมาแก้ไขปัญหาเหล่านี้ โดยผู้ถูกเชิญนัดหมายสามารถกำหนดวัน และเวลากลับไปยังผู้เชิญได้แล้ว ทำให้ง่ายต่อการประชุม และพบปะมากยิ่งขึ้น ไม่ต้องเสียเวลาเจรจาเรื่องเวลากันยุ่งยากเหมือนแต่ก่อน โดยผู้ที่ถูกเชิญสามารถตอบกลับไปว่าใช่, ไม่, อาจจะ, เดี๋ยวนี้ หรือเสนอช่วงเวลาใหม่ๆ ได้อีกด้วย และเมื่อได้รับสิทธิ์การเข้าถึงของการประชุมก็สามารถดูความพร้อมของคนอื่นๆ เพื่อแนะนำช่วงเวลาการนัดหมายที่เหมาะสม และส่งข้อความเสริมได้
วิเคราะห์ : เนื่องจาก Google Calendar มีการเพิ่มฟังก์ชันที่ช่วยให้ผู้ถูกนัดหมายสามารถกำหนดวันได้ จึงช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการนัดพบกันได้มากยิ่งขึ้น เนื่องจากจะทำให้สามารถกำหนดช่วงเวลาที่ทั้งสองฝ่ายสามารถมาพบปะกันได้แน่นอนขึ้นโดยไม่ยุ่งยาก